หลายๆคน น่าจะคุ้นเคยกับ Re-Targeting หรือ Re-Marketing กันอยู่แล้ว (ถ้ายังไม่รู้ไม่เป็นไรครับ คลิ๊กไปอ่านกันก่อนได้ ReTargeting/Remarketing คนทำการตลาดออนไลน์ไม่รู้ไม่ได้)
แต่ถ้ามีคนบอกว่าจะทำ Retargeting สำหรับ Facebook ต้องติดตั้ง Facebook Pixel นะ !!! หลายคนอาจจะงง แล้ว Facebook Pixel มันคืออะไรล่ะ??
ผมยังได้ยินคนลงโฆษณา Facebook Ads ที่ไม่ได้ใช้ Facebook Pixel หรือใช้แบบขอให้ได้ใช้ ซึ่งเป็นแค่ฟังก์ชั่นพื้นฐานเท่านั้น โดยมักจะบอกว่า ไม่เข้าใจวิธีการใช้งานและไม่เข้าใจว่ามันต้อง Set Up อย่างไร หรือมากกว่านั้น ไม่รู้ว่ามันเซทอะไรได้มากกว่าเอาไปวางบนเวปไซด์แค่นั้นไม่ใช่หรือ???
Facebook Pixels เป็นมากกว่าแค่เอาไปติดในเวปไซด์ แล้วเราสามารถเก็บข้อมูลคนที่เคยเข้าเวปไซด์เรา และเราสามารถส่งโฆษณาไปหาเค้าได้อีกครั้งเท่านั้น มันเป็นอะไรมากกว่าที่คิดครับ
Facebook Pixel สามารถให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุด ที่เหมาะสมที่สุดได้ เราจะไม่สามารถรู้ Conversion (หรือเป้าหมาย) ที่เราต้องการได้ หรือไม่รู้ว่าคนเข้าเวปไซด์เราแล้วเค้าไปทำอะไร ทำให้เราไม่สามารถปรับโฆษณาให้เหมาะกับ Conversion ได้ และเราจะไม่สามารถใช้ Function อื่นๆของ Facebook ได้เลยถ้าไม่มี Facebook Pixel
คุณรู้ไหมว่า Function อื่นๆที่ซ่อนอยู่ของ Facebook สามารถนำมาซึ่งการวัดผลที่แม่นยำมากๆ ถ้าติดตั้ง Facebook Pixel
ถ้าคุณไม่คุ้นเคยกับ Facebook Pixel ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ...
Facebook Pixel มันคือ โค้ดเฉพาะสำหรับให้เราวางไว้บนเวปไซด์ของเรา บริเวณ Head Tags ของทุกๆหน้าเพจของเวปไซด์เรา
มันจะเป็นแบบนี้ครับ
เพียงเอาโค้ดนี้ไปวางไว้ในเวปไซด์ของคุณ เวทมนต์จะเกิดขึ้น.....คุณจะสามารถรู้ทุกสิ่งเมื่อคนเข้ามาที่เวปไซด์ของคุณ รู้ว่าเค้าทำอะไร รู้ว่าเค้าไปที่ไหน และรู้ว่าเค้าหายหน้า หายตาไปจากเวปไซด์เรานานหรือยัง !!! เจ๋งไหมครับ Function นี้ของ Facebook
หลายคนอาจจะบอกว่าก็เหมือนกัน Google Analytics ที่ใช้สำคัญวิเคราะห์เวปไซด์นิ !!! ใช่ครับ มันเหมือนกัน แต่ถ้าคุณใช้ Facebook ในการทำการตลาดออนไลน์เป็นหลัก คุณต้องใช้ Facebook Pixels ครับ เพราะมันสามารถติดตาม Track ที่มาจาก Facebook ได้ละเอียดกว่าเยอะครับ!!!
เราไปเรียนรู้การใช้งาน Facebook Pixel กันดีกว่าครับ
เราสามารถนำ Facebook Pixel ไปใช้ได้ 6 รูปแบบดังนี้ครับ
1. Website Custom Audience
2. Standard Events
3. Custom Conversions
4. Conversion Tracking
5. Conversion Optimization
6. Dynamic Ads
ไปเรียนรู้แต่ละรูปแบบกันดีกว่า... ไม่ยากแต่ต้องเข้าใจครับ ^_^
1. Website Custom Audience (WCA)
ผมอยากจะบอกว่า Function นี้มีความสำคัญมาก ผมจะประสบความสำเร็จมียอดขายได้นิดเดียวเท่านั้น จาก Facebook Ads ถ้าไม่มี Function Website Custom Audiences มันน่าอัศจรรย์ไหมล่ะ
เมื่อ Facebook Pixel Code ได้ถูกฝังบนเวปไซด์ของเราแล้ว Facebook จะสามารถติดตามผู้คนที่เข้าเยี่ยมชมเวปไซด์ของเราได้แบบใกล้ชิด โดยมันจะรู้ว่าผู้คนเข้าไปที่ไหนบ้าง หน้าไหนบ้างและเข้าไปเมื่อไหร่ ซึ่งเราสามารถสร้างกลุ่ม Audiences จากคนที่ได้เข้าไปเวปไซด์เราแล้ว ได้ดังนี้ครับ
- คนทุกคนที่เข้าเวปไซด์ใน 1-180 วันที่ผ่านมา (All of your website visitors during the past 1-180 days)
- ผู้คนที่เข้าเวปไซด์เราบางหน้า
- ผู้คนที่เข้าเวปไซด์เราบางหน้า และออก
- ผู้คนที่เข้ามาใช้เวลานานในเวปไซด์เรา (คิดเป็น Value ตามที่เรากำหนด)
- ผู้คนที่เข้าเวปไซด์เราบ่อยๆเป็นอันดับต้นๆ 5% 10% 25% ของคนที่เข้ามาทั้งหมด
ผมใช้ Function นี้กำหนดเป้าหมายไปที่ ผู้คนที่เข้าเวปไซด์ของผม เพื่อโปรโมทบทความใน Blog SmartOnlineAcademy.com นี้แหล่ะครับ ผมกำหนดเป้าหมายให้พวกเค้าได้อ่าน Post ของผมในเรื่องที่เค้าชอบ (เรื่องเฉพาะเจาะจง)
ผมจะมุ่งไปหากลุ่มคนที่เข้าเวปไซด์ผม อย่างน้อย 2 ครั้ง หรือ 25%ของคนที่ Active ในเวปไซด์ผม เพื่อโฆษณาสินค้าหรือบริการ
มันอาจจะงง สับสนนิดหน่อยนะครับ แต่ผมมั่นใจว่าคุณจะได้ลูกค้าที่แน่นอน ผมสามารถสร้างกลุ่ม Audience ได้หลายกลุ่ม แต่กลุ่ม Audience นี้จะเป็นกลุ่มที่สร้างยอดขายให้ผมได้
2. Standard Events
สำหรับ Stardard Events นี้ คุณสามารถใส่ Code พิเศษ เข้าไปในหน้าเฉพาะเจาะจง เพื่อบอก Facebook เกี่ยวกับ event หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (อาจจะงง กันแต่อ่านต่อไปจะเข้าใจครับ)
Stardard Event สามารถ Set ได้ดังนี้...
- Sarch
- View Content
- Add to Cart
- Add to Wishlist
- Initiate Checkout
- Add Payment Info
- Purchase
- Lead
- Complete Registration
คุณสามารถใส่ Code พิเศษนี้เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับกิจกรรมที่ลูกค้าทำในเวปไซด์ให้กับ Facebook ซึ่งมันจะมีความสำคัญกับ Dynamic Ads ที่เราจะคุยกันอีกด้านล่างนี้ครับ
บางครั้ง Code นี้อาจจะยุ่งยากเกินไป คุณสามารถใช้อย่างอื่นแทนได้.. เช่น Function ด้านล่างนี้ครับ
3. Custom Conversions
เพราะ Pixels Code ติดตั้งบนเวปไซด์เรา Facebook จะรู้ว่าเมื่อใดที่มีคนเข้าเวปเรา และเค้าเข้าไปดูหน้าไหน ดังนั้นผลคือ คุณสามารถรู้ได้ว่า ลูกค้าซื้ออะไรบ้าง เพียงแค่ระบุ เช่นด้านล่าง
Facebook จะเก็บข้อมูลของคนๆนั้นไว้ ในฐานข้อมูล ถ้าคนนั้นมีข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ลงใน Facebook เช่น อีเมลล์, เบอร์โทรศัพท์, หรือเปิด Facebook App ไว้ในโทรศัพท์ (ซึ่งคนเกือบทั้งหมดก็จะเปิด App นี้ไว้ตลอดอยู่แล้ว) ซึ่งทำให้เราสามารถส่งโฆษณาไปหาคนกลุ่มนี้ (ที่เป็นลูกค้าเราหรือรู้จักเราอยู่แล้ว) ได้อย่างแม่นยำ
4. Conversion Tracking
เมื่อใดก็ตามที่คุณสร้าง Custom Conversion หรือ Standard Events ขึ้นมา Facebook จะรู้ว่า Conversion ที่เราต้องการคืออะไร ตามการเดินทางของลูกค้าในเวปไซด์เรา ดังนั้นถ้ามีใครก็ตาม ดำเนินการตาม Stardard Event Code ที่เราติดไว้ Facebook จะแจ้งให้เราทราบ
อย่างแรก คุณต้องแน่ใจว่า คุณได้แจ้งให้ Facebook ติดตาม Conversions แล้ว
เมื่อคุณปรับการโฆษณาให้เหมาะกับ Conversion Facebookจะส่งผลของการ Conversion จากการปรับให้โดยอัตโนมัติ
แต่คุณจำเป็นต้องปรับข้อมูลสำหรับการแสดง report นิดหน่อย ตาม Function Stardard Events และ Custom Conversions ครับ..
เมื่อปรับแล้ว คุณจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมากเลยครับ
5. Conversion Optimaization
ถ้าคุณไม่ได้สร้าง Standard Events หรือ Custom Conversions คุณก็ไม่สามารถปรับแก้ไข Conversion ได้ครับ
เมื่อคุณเลือก "การสร้างโฆษณาแบบ Website Conversion campaign object" คุณจะถูกกำหนดให้เลือก Conversion ที่ Facebook มันปรับมาให้แล้ว. แต่ถ้ามันไม่มี คุณจะสามารถเลือกได้แค่ website traffic, page/post engagement หรือ video views
สิ่งที่เจ๋งมากๆ คือ ถ้าคุณติดตาม Pixel บนเวปไซด์แล้ว Facebook รู้จัก Conversion แล้ว Facebook มันจะเข้าใจสิ่งที่ผู้คนทำบนเวปไซด์ และ Facebook จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการโฆษณาให้กลุ่ม Audience ที่กำหนดไว้เท่านั้น ทำให้ผลลัพธ์การโฆษณา มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างมากมาย
6. Dynamic Ads
ถ้าเวปไซด์ของคุณเป็นระบบ e-Commerce คุณจำเป็นต้องมี Pixel อย่างยิ่ง!! จำเป็นมาก แต่แม้ว่าคุณติด Pixel เรียบร้อย แต่คุณก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันนะ ถ้าไม่ได้มาอ่านตรงนี้ครับ...
ถ้าคุณมีสินค้าราวๆ 100 หรือ 1,000 สินค้าในเวปไซด์ มันอาจจะไม่มีเหตุผลที่จะสร้างโฆษณาอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับคนที่เข้าไปในเวปไซด์แต่ละสินค้าๆ แต่ด้วย Pixel และ Standard Events คุณสามารถสร้าง Dynamic Ad ได้ครับ
ในตอนนี้ มันจะเก็บข้อมูล Audience และจัดลงโฆษณา Conversion ใน Ads ซึ่งจะขึ้นกับพฤติกรรมของผู้เข้าเวปไซด์เราแล้วครับ...และแน่นอนครับ มันทำได้เพราะ Facebook Pixel ครับ
7. สุดท้ายคือ..ติดตามผลลัพธ์
ถ้าคุณไม่ติดตั้ง Facebook Pixel คุณก็กำลังเข็นครก ขึ้นภูเขากันแล้วล่ะครับ คุณจะได้เพียงลูกค้ารองๆ ที่ไม่ใช่ลูกค้าตัวจริง, การติดตามผลการโฆษณาก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย และคุณก็ไม่สามารถปรับแก้ใดๆ ตามที่ต้องการได้เลย
ขอให้ประสบความสำเร็จกับการใช้ Facebook Pixel ลงโฆษณา Facebook Ads กันนะครับ
ไขความลับของ Facebook Pixel
ผมรู้ว่า Facebook Pixels ยังเป็นสิ่งที่คนลงโฆษณายังงง และยังทำกันไม่เป็นอยู่ บางคนสามารถติดตั้งและเริ่มใช้ Facebook Pixel ได้แล้ว แต่เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น
ถ้าคุณต้องการใช้งาน Facebook Pixels อย่างเต็มประสิทธิภาพ เหมือนด้านบนที่ผมบอกมา คุณจะโดดเด่นเหนือคู่แข่งอย่างชัดเจน
ผมกำลังสร้างคอร์สอบรม "โฆษณาขั้นเทพ พุ่งแซงคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นด้วย Facebook Pixel /Conversion and Traffic" เพื่อช่วยเหลือทุกคนให้เป็นเทพ สำหรับ Facebook Pixel ได้
คลิ๊กติดตามรายละเอียดดคอร์สอบรม
--------------------------------------------------------------------------------
ถ้าท่านชอบเนื้อหา อย่าลืม กด like & share ให้เพื่อนๆกันด้วยนะคร๊าบ
กด Subcription เพื่อไม่ให้พลาด ติดตาม บทความการตลาดออนไลน์ของเรา
** บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ ** ** กรณีต้องการแชร์ ส่งต่อให้ผู้อื่น กรุณาอ้างอิงกลับโดยใส่ link กลับมาที่เวปไซด์ด้วยครับ ** Tips เทคนิคดีๆ ที่ไม่ได้เปิดเผยที่ไหน เฉพาะคนสนิท เท่านั้น https://web.facebook.com/groups/144847359581038/ FB Page : อ.โหน่ง MarketingCusine การตลาดคือการปรุงอาหารที่มากกว่าความอร่อย http://www.facebook.com/marketingcuisine สอนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ฟรีๆ https://www.youtube.com/channel/UCtbsu8Ox7gWVxCDV3GjU5yQ/ พูดคุยกับ อ.โหน่ง Line ID: https://lin.ee/ff6B0e0 คุยส่วนตัว อ.โหน่ง : m.me/marketingcuisine Tel. 094-789-2645
Comments