ผมมีความลับที่อยากจะแชร์ให้กับผู้คนเกี่ยวกับการสร้างธุรกิจออนไลน์ของผมครับ...
ถ้าคุณเป็น Startup ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจด้วย Online Platform ผมบอกได้เลยว่า "WEBSITE" เป็นสิ่งที่สำคัญและ CONTENT ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะ CONTENT เหล่านั้นที่คุณเขียนขึ้น มันจะเป็นตัวบ่งบอกความเป็นแบรนด์ของคุณ (Branding) สร้างความเป็นมืออาชีพและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้พบเห็น
เวปไซด์และธุรกิจของผมจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้ครับ ผมชอบบทความนี้และคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งให้กับคนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ หรือคนที่เริ่มธุรกิจไปแล้วแต่มันยังไม่ WORK
ถ้าใครจะเริ่มธุรกิจ อย่าทำ !!! ถ้ายังไม่ได้อ่าน

ก่อนจะเข้าเรื่อง...ผมอยากบอกอะไรท่านนิดหน่อย เพื่อให้เข้าใจภาพรวมการตลาดออนไลน์
ถ้าผมทำธุรกิจแบบสูตรสำเร็จที่ Online Marketer ในต่างประเทศนิยมทำกันคือ ส่งคนไป Landing Page เพื่อเก็บข้อมูล e-mail เบอร์ติดต่อ โดยไม่สนใจ CONTENT คนที่เข้ามาที่เวปไซด์ (Traffic) หรือคนที่จะกรอกข้อมูลต่างๆนั้น จะต่ำมากๆ ทำให้การตลาดแบบ Re-Marketing ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน ทำไม่ได้ (เพราะอาจไม่ใช่ลูกค้าแท้จริง) มันอาจจะเป็นมุมมองของผมอย่างเดียวในธุรกิจออนไลน์ด้านการสอนออนไลน์ (Digital Information Product) ที่หลายๆคนอาจจะคิดว่าไม่เหมาะกับธุรกิจอื่นๆ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ทุกธุรกิจต้องนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ได้ ไม่มากก็น้อย งั้นเรามาดูกันเลยดีไหมครับ...กับ 7 เหตุผลที่ทำไม Content ถึงมีความสำคัญกับธุรกิจ
1. เป็นแหล่งแสดงความเป็นมืออาชีพ (Exploding Professional Expert)
แน่นอนว่า เป้าหมายสำคัญของเวปไซด์สำหรับธุรกิจ คือ เป็นแหล่งให้ข้อมูล แสดงความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้าผมส่งลูกค้าไปที่ Landing Page เพื่อขายของ หรือให้กรอกข้อมูลเลย คุณจะสงสัยไหมว่า ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ๆ จริงหรอ ? วิธีง่ายๆ และทำได้เลยโดยไม่ต้องใช้เงินคือ...เมื่อลูกค้ากลุ่มมุ่งหวัง (ลูกค้าเป้าหมาย) คลิกที่ link แล้วส่งไปที่ Blog ฟรี หรือเวปไซด์ฟรี เช่น Blogspot, Wordpress.com เป็นต้น ลูกค้ามุ่งหวังจะไม่กังวลว่าจะถูกบังคับขาย (Hard Selling) แต่เมื่ออ่านข้อมูลใน WebBlog แล้วพบว่า ข้อมูลดังกล่าวช่วยเค้าแก้ปัญหาที่เค้ากำลังค้นหาอยู่ เค้าจะยินดีที่จะทำความรู้จัก แลกเบอร์ แลก Line กับเวปไซด์หรือ Blog นี้... "Landing Page" ด้วยตัวมันเอง มันยังยากที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณเชี่ยวชาญจริง (ถ้าทำ Salepage ไม่สวย ไม่ดึงดูด) แต่ Blog ฟรี ซึ่งสามารถทำขึ้นมาเองได้ง่ายๆ เป็นเครื่องมือที่ดี เพื่อแสดงให้คนที่เข้ามาอ่านข้อมูล รู้จักและเชื่อมั่นในความรู้ของคุณในเรื่องนั้นๆ
ปล. หรือตอนนี้มีผู้ให้บริการหลายเจ้า ที่มามุ่งเน้นการทำ Salepage Creator ก็สามารถทำได้ โดยมุ่งเน้นที่การเก็บ Contact List มากกว่าการขายจะทำให้ได้ประสิทธิภาพมากเช่นเดียวกันครับ
2.ทำให้คุณโดดเด่นในความรู้เฉพาะทาง (Highlight Specialized Knowledge)
ผมมักจะโดนเพ่งเล็งว่าได้อะไรจากการให้ความรู้ไปฟรีๆ แต่..ทำไมบางคนถึงซื้อ Online Course ของผม หรือกรอกข้อมูลเข้ามา Online Consulting แบบ one-on-one หรือเข้าร่วม Exclusive Club เมื่อเค้าอ่านบทความของผม มีคนมากมายที่เข้ามาอ่านบทความแบบฟรีๆ โดยไม่เคยเสียเงินซื้ออะไรเลย..ก็ไม่มีปัญหานิครับ !! แต่เมื่อคุณเริ่มเขียนบทความมากกว่า 400-500 บทความใน 1 ปี บทความของคุณจะเด่นดัง ในเรื่องนั้นๆ แต่ไม่มีสูตรง่ายๆ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จแบบสำเร็จรูป ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันยากมากๆที่จะติดตามได้หมด !! ผลลัพธ์ก็คือ ผู้คนที่อ่านบทความของผม และชื่นชอบ เห็นคุณค่าว่ามันเป็นเนื้อหาที่ดีมีประโยชน์ พวกเค้าจะเริ่มตระหนักว่า พวกเค้ายังไม่รู้อะไรอีกมาก และสิ่งที่เค้าจะทำต่อไปคือ หาความรู้เพิ่มเติม!!
3. ดึงดูดจิต ประทับใจลูกค้า (Attract Customer's heart)
นักการตลาดออนไลน์บางคน ไล่ล่าเก็บข้อมูล e-mail, เบอร์ติดต่อลูกค้า เพื่อนำเสนอขายอย่าง Hard Selling ซึ่ง ณ ปัจจุบันมันเป็นการตลาดแบบ Short-term ที่ใช้ไม่ค่อย WORK แล้ว !! ผมเชื่อมั่นว่า ณ วันนี้บางคนจะไม่พร้อมที่จะสมัครสมาชิก หรือให้ข้อมูลบางอย่างเพื่อแลกบางสิ่งมา ถ้าเค้ายังไม่ต้องการซื้อสินค้าใดๆในตอนนี้ หรือเค้าอาจจะยังไม่มั่นใจก็เป็นได้ 1 บทความอาจจะเป็นข้อมูลเพียงพอสำหรับสินค้าบางอย่างที่ไม่ต้องตัดสินใจจริงนาน แต่คุณต้องทำให้เค้าเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เค้าเสียเงินซื้อไป มันต้องเป็นประโยชน์กับเค้าแน่ๆ หรือบางทีอาจจะต้อง 10 บทความ หรือ 20 บทความ ซึ่งก็แล้วแต่สินค้าและการตัดสินใจของแต่ละคน เป้าหมายของ Blog คือถ้าลูกค้า หรือใครก็ตามต้องการความช่วยเหลือ ในเรื่อง "กลยุทธ์....วิธีการขายของออนไลน์ หรือการตลาดออนไลน์ด้วย Facebook Advertising" ชื่อของผมจะโผล่ขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งนั่นจะเป็นกลยุทธ์ Long-term สำหรับ Content
4.สร้าง e-mail List
ผมเห็น function ใหม่ๆของ Facebook อาทิ Lead Generation Ads ที่ทำให้พวกเราไม่ต้องมีเวปไซด์ ขอเพียงสร้างโพสขึ้นมา 1 โพส แล้วลงโฆษณาโดยคิดว่า ผู้คนจะสนใจและให้ข้อมูลกับเรามา หรือบางคนจะทำ Landing Page มาเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้า (เหมือนกับบริษัทใหญ่ๆที่ทำกับ Google Adwords) โดยเรา cut the edge ตัดขั้นตอนต่างๆที่คิดว่าไม่สำคัญออกไป... แต่... ถ้าคุณไม่สร้าง Content แล้วใครจะคลิ๊กให้ข้อมูลคุณล่ะ ใครจะยอมเข้าไปที่ Landing Page คุณล่ะ ? มันเป็นเรื่องปกติ ถ้าคุณยอมจ่ายเพื่อส่ง Traffic ไปที่เวปไซด์ คุณก็จะได้อีเมลล์แน่นอน แต่แน่นอน มันจะเป็นต้นทุนต่อ Traffice ที่สูงมาก โดยไม่สามารถบอกได้ว่าจะมียอดขายหรือไม่ แต่เมื่อคุณได้ลองเข้ามาในเวปไซด์บางเวปไซด์ที่เป็นเวปให้ข้อมูล จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะให้ลูกค้ากรอกอีเมลล์เพื่อติดต่อเรา โดยไม่ได้บังคับ หรือ Hard-sell แต่อย่างใด เมื่อเค้าอ่านบทความแล้วเห็นว่ามันน่าสนใจ ณ ปัจจุบันนี้ มีคนเข้าเยี่ยมชมเวปไซด์ หรือบล็อคพวกนี้ ประมาณ 10,000-50,000 คนต่อเดือน แม้จะไม่มากแต่ก็คือเป็น เปอร์เซ็นต์ที่สูงที่ Traffic มาจาก Organic และผู้เยี่ยมชมส่วนมากมาจาก e-mail Subscriber "CONTENT" สามารถช่วยเราสร้าง e-mail Subscriber ที่มีประสิทธิภาพได้อย่างมากครับ...
5. Content คือเครื่องสร้าง Traffic ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
อาจจะสงสัยว่า เครื่องสร้างทราฟฟิก หรือ Traffic Engine คืออะไร ? มันคือสิ่งที่สามารถดึงผู้คนเข้ามาหา Content ในเวปไซด์ของเราได้อย่างอัตโนมัติและสม่ำเสมอ !!! มันไม่ใช่เวทมนต์ และไม่ได้มีสูตรลับแต่อย่างใด มันเป็นกระบวนการที่ผ่านการวางแผนแบบทั้งระบบมากแล้วครับ และที่สำคัญมันใช้ได้ผลเป็นอย่างมาก.... สิ่งที่ผมใช้มีดังนี้ ... a) สร้าง Content ในเวปไซด์และ Share บน Platform ต่างๆ อาทิ Facebook, Twitter, Line b) สร้างกลุ่มเป้าหมาย Re-marketing Audience ให้เติบโต c) สร้าง E-mail list ให้เติบโต ผ่าน Salepage และ e-mail Subcriber d) สร้าง Ads Promote Content และ Facebook Lead Gen เพื่อเก็บเป็นกลุ่มลูกค้า Remarketing list e) Promote สินค้า ไปยังกลุ่ม e-mail list และ re-marketing list f) สร้าง Content ในเวปไซด์และ Share บน Platform ต่างๆ อาทิ Facebook, Twitter, Line g) สร้างกลุ่มเป้าหมาย Re-marketing Audience ให้โตขึ้น h) สร้าง E-mail list ให้โตขึ้น ผ่าน Facebook Lead Generation, Salepage, Chatbot และ e-mail Subcriber i) สร้าง Ads Facebook Lead Gen หรือ Chatbot Campaign เพื่อเก็บเป็นกลุ่ม Re-marketing list j) Promote สินค้าไปยังกลุ่ม e-mail list และ re-marketing list k) กลับไปทำขั้นตอนที่ 1 ใหม่ ทุกๆครั้งที่สร้าง Content ใหม่ๆ กระบวนการจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ไปมา ผมจะแชร์บทความนี้บน Facebook Page, Twitter และ Line เป็นหลัก ผมใช้โฆษณาบน Facebook Ads และแชร์ไปที่ e-mail list และคนที่เข้ามาชมเวปไซด์ผมก็อาจจะแชร์ต่อให้เพื่อนๆ ของเค้าต่ออีกที ปัจจัยสำคัญของวิธีการนี้คือ e-mail list จะเติบโตอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีหลายๆคนบอกว่าสำหรับตลาดเมืองไทย e-mail list ใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่ผมว่ามันยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญของ Digital Marketing ไปอีกนาน เพราะเป็นต้นทุนที่ต่ำมาก หรือไม่มีต้นทุนเลย และยังเป็นพื้นฐานของ Platform ทุกอย่างอยู่ อาทิ Facebook คุณก็ยังต้องมีอีเมลล์เพื่อสมัคร Facebook, Youtube คุณก็ต้องมีอีเมลล์. และถ้า e-mail list ของคุณมีคุณภาพ เป็นกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังจริงๆ เค้าก็พร้อมที่จะซื้อของคุณตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะ !!
6. สร้างกลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นั่นคือ Remarketing
ผมมีคำถาม "ใครคือคนที่ควรส่ง e-mail ให้มากที่สุดครับ ?" สำหรับผมแน่นอนแบ่งเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ 1) คนที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก แบรนด์เราเลย ! และ 2) คนที่มาเยี่ยมชมเวปไซด์เราบ่อยๆ และสิ่งที่เราต้องรู้ไว้คือ e-mail ที่ได้มาจากคนที่เข้าเวปไซด์แล้วกรอกข้อมูล เป็น e-mail คุณภาพที่มีตัวตนจริง และต้องการรับข่าวสารเราจริงๆ เพราะมันเกิดจาก Relationship ที่ดี ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองเทสดูเองได้เลยครับ... สำหรับผม ผมลองกลับไปวิเคราะห์ผู้คนที่เข้ามาในเวปไซด์จากการส่งอีเมลล์ให้พวกเค้าเมื่อเค้ามากรอกข้อมูล Subcription พบว่า ต้นทุนและอัตราความสำเร็จเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าผู้คนที่เข้ามาแบบทั่วๆไปอีก...แล้วของคุณล่ะครับ? นี่คือ ความได้เปรียบที่คนอื่นไม่ค่อยมีครับ +++ นั่นคือถ้าเวปไซด์คุณมีปริมาณ Traffic ที่เข้ามาเยอะมากๆ คุณจะสามารถโฟกัสไปที่คนที่มี Engagement กับเวปไซด์คุณมากกว่าคนที่เข้ามาในเวปของคุณแล้วออกไปโดยไม่ได้ดูอะไรเลย และผลลัพธ์จะดีขึ้นอย่างมากด้วยครับ
7. สร้างความสัมพันธ์เชิงลึกซึ้ง (Build Loyalty)
เราไม่ได้จงรักภักดีกับ Brand หรือ Logo หรือ Website แต่อย่างใด!!! แต่ทุกๆ อณูของเนื้อหา Content ที่เราสร้างขึ้นมา นั่นจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ที่เยี่ยมยอดกับกลุ่มลูกค้า #สร้างความเชื่อมั่น #สร้างความจงรักภักดี เมื่อใครก็ตามซื้อสินค้าจากพวกเรา ผมไม่อยากให้คิดว่าเพราะ เราทำการตลาดที่ดีในการนำพวกเค้า (ลูกค้า) มาซื้อสินค้าเราได้ที่หน้าเวปไซด์ ผมไม่อยากได้ใครก็ได้ที่มาเจอพวกเราเป็นครั้งแรกแล้วก็โดนดึงมาซื้อสินค้าเราเลย ผมมองว่าลักษณะลูกค้าแบบนี้ และการทำการตลาด การขายแบบนี้ มันมีจุดอันตรายอย่างยิ่ง !!! เพราะกลุ่มลูกค้านี้ มีโอกาสอย่างมากที่จะได้ผลลัพธ์ไม่เป็นที่พึ่งพอใจ ผมแนะนำว่าอย่าให้เค้าซื้อเราในครั้งแรกที่พบเจอกันจะดีที่สุดครับ !! ถ้าเราใช้วิธีดังกล่าวนี้ ไม่ใช่ลูกค้าจะได้แค่ประโยชน์จากการซื้อสินค้าหรือบริการ ลูกค้าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะซื้อต่อไป และแนะนำ Sharing ให้คนอื่นๆต่อไปด้วย
หวังว่าบทความนี้ จะทำให้ท่านเห็นประโยชน์ และมุ่งเน้นในการสร้าง Content ที่เป็นประโยชน์ให้กับลูกค้าต่อไปนะครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่รู้ว่าควรทำ Content ยังไงให้ปัง ลองไปติดตามอ่าน เคล็ดลับการทำคอนเทนต์ระดับโลก...คุณภาพคอนเทนต์ต้องมาก่อน!! เผื่ออาจจะได้ไอเดียในการสร้าง Content ที่สุดยอดสำหรับคุณได้ครับ
--------------------------------------------------------------
ถ้าท่านชอบเนื้อหา อย่าลืม กด like & share ให้เพื่อนๆกันด้วยนะคร๊าบ
กด Subcription เพื่อไม่ให้พลาด ติดตาม บทความการตลาดออนไลน์ของเรา
** บทความนี้สงวนลิขสิทธิ์ ** ** กรณีต้องการแชร์ ส่งต่อให้ผู้อื่น กรุณาอ้างอิงกลับโดยใส่ link กลับมาที่เวปไซด์นีด้วยนะครับ ** Tips เทคนิคดีๆ ที่ไม่ได้เปิดเผยที่ไหน เฉพาะคนสนิท เท่านั้น https://web.facebook.com/groups/144847359581038/ FB Page : อ.โหน่ง MarketingCusine การตลาดคือการปรุงอาหารที่มากกว่าความอร่อย http://www.facebook.com/marketingcuisine สอนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ฟรีๆ https://www.youtube.com/channel/UCtbsu8Ox7gWVxCDV3GjU5yQ/ พูดคุยกับ อ.โหน่ง Line ID: https://lin.ee/ff6B0e0 คุยส่วนตัว อ.โหน่ง : m.me/marketingcuisine Tel. 094-789-2645
Comments